ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดในยุโรปขณะนี้ คือ ผู้ป่วยโรคจิตประสาท เพิ่มมากขึ้นและตรวจพบครั้งแรกเป็นส่วนใหญ่ หลังติดเชิ้อ โควิด 19
People with mental illness after COVID-19 are usually in their 30s, 40s, and 50s and are experiencing psychosis for the first time.
Long COVID อาการเป็นอย่างไร?
ผลระยะยาวของโควิด-19 หรือ Long Covid เป็นภาวะ หรือ อาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิด-19 หลังจาก ได้รับเชื้อนาน 4 สัปดาห์ไปจนถึง 12 สัปดาห์ขึ้นไป และอาการที่พบมีหลากหลายและแตกต่างกัน มีตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงทำให้ร่างกายทรุดโทรม และมีผลระยะยาวตั้งแต่หลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือนหลังหายจากโควิด-19
อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับ ผลระยะยาวของโควิด-19 ในตำบลน้ำคอก ควรปรึกษา รพ.สต.น้ำคอก เพื่อแจ้ง หรือบันทึกอาการที่ได้รับผลกระทบนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูล ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแล รักษาต่อไป อีกทั้งยังติดตามข่าวผู้ป่วยได้ทุกวัน ผ่านเมนู "เตือนภัย" ที่นี่
Long COVID นี้มีกี่ประเภท สังเกตอาการได้อย่างไร ?
ภาวะ Long COVID ถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งแบ่งแยกตามลักษณะอาการดังนี้
- ภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการใหม่ หรืออาการเดิมไม่หายไป (New or ongoing symptoms)
คือการที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้นมีอาการยาวนานต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลานานหลายเดือนหลังจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นครั้งแรก มักพบในคนไข้อาการรุนแรงตั้งแต่ต้น และทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อออกกำลังกายหรือใช้สมาธิจดจ่อมาก ๆ โดยมีอาการ เช่น
- เป็นไข้ ปวดหัว วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
- หายใจเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม ไอ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ปวดท้อง ท้องเสีย รับประทานอาหารไม่ลง
- ปวดหู หรือมีเสียงในหู
- ใจสั่น ขาดสมาธิ หรือคิดอะไรไม่ออก หัวตื้อ นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน
- มีอาการชา ปวดกล้ามเนื้อและข้อ
- ไม่ได้กลิ่นหรือรับรสได้ไม่ดี
- ผื่นตามตัว
- รอบประจำเดือนมาผิดปกติ
- ภาวะที่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีความผิดปกติในหลายอวัยวะ (multiorgan effects)
คือการที่ผู้ป่วยนั้นมีอาการผิดปกติเกี่ยวเนื่องกับอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย โดยมีสาเหตุจากปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาที่รุนแรงอย่าง cytokine storm ที่ร่างกายของผู้ป่วยโควิด-19 ไม่สามารถควบคุมการหลั่งสารในระบบภูมิคุ้มกันกลุ่ม cytokine ได้ส่งผลให้เนื้อเยื่อของอวัยวะหลายส่วนถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของตัวผู้ป่วยเอง มักพบมากที่บริเวณเนื้อเยื่อหัวใจ ปอด ไต สมอง และผิวหนัง
และในเด็กอาจะพบการเกิดโรค Multisystem Inflammatory Syndrome in Children Associated with COVID-19 (MIS-C) ที่มีอาการโรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease) คือเกิดการอักเสบในหลายอวัยวะ มีไข้สูง ผื่นขึ้น ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองโต อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่ติดเชื้อโควิด-19 อยู่หรือหลังหายทันที โดยโรคนี้อาจมีผลกระทบต่อหลายอวัยวะ (multiorgan effects) ในระยะยาวได้
3.ผลกระทบระยะยาวจากการนอนโรงพยาบาลและจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการนอนโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้อง ICU ที่ส่งผลกระทบด้านจิตใจ อาจทำให้แขนขาไม่ค่อยมีแรงและยังคงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่แม้จะไม่มีเชื้อโควิดอยู่แล้ว ในบางกรณีอาจมีผลต่อเรื่องการคิดและคำพูด นำไปสู่ภาวะที่มีอาการผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบเหตุการณ์รุนแรง (post-traumatic stress disorder; PTSD) เช่น การได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ หรือถูกปั๊มหัวใจในการช่วยชีวิต ส่งผลให้เกิดความเครียดฉับพลันและอาจสะสมมาอย่างต่อเนื่อง
สามารถพบอาการของ Long COVID ในผู้ป่วยนอก 35 % และผู้ป่วยใน 87% โดยอาการที่เกิดขึ้นอาจยาวนานถึง 3 เดือนขึ้นไป
นอกจากภาวะดังกล่าวที่มีสาเหตุมาจากอาการเจ็บป่วยแล้วนั้น โรคโควิด-19 ยังส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ หรือการที่บางคนนั้นจำเป็นต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่คนใกล้ชิดติดเชื้อหรือเสียชีวิต รวมไปถึงการเข้าถึงสถานพยาบาลได้ยากเวลามีอาการผิดปกติ ส่งผลให้มีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของโควิด-19
- เกิดขึ้นได้ในระยะ 1-2 เดือน มีตั้งแต่ อาการหอบเหนื่อย เพลีย พบพังผืดที่ปอด พบความผิดปกติที่ปอด เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน พบความผิดปกติเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อน เกิดการอักเสบภายในอวัยวะสำคัญ เช่น ตับอักเสบเฉียบพลัน การทำงานของไตบกพร่อง ไตวายเฉียบพลัน ปัญหาทางระบบประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการนอนในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ภาวะซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาในกลุ่มสเตียรอยด์ อาจจะมีอาการแสบกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน ระดับน้ำตาลไม่คงที่ และเบาหวาน
ใครคือกลุ่มเสี่ยง ที่จะได้รับ ผลระยะยาวของโควิด-19
- ผู้สูงอายุ เพศหญิงมากกว่าเพศชาย ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคเบาหวาน ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนัก หรือผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ก็สามารถมีโอกาสเกิดอาการ Long COVID ได้ แต่จะไม่พบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันจากการรับวัคซีน
แล้วเราจะป้องกันภาวะ Long COVID ได้อย่างไร?
- การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
- สวมใส่หน้ากากที่คลุมบริเวณปากและจมูกอย่างมิดชิด
- รักษาระยะห่าง โดยอยู่ห่างจากผู้อื่นประมาณ 1.5-2 เมตร เลี่ยงบริเวณแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- ล้างมือบ่อย ๆ
ป่วยเป็นโควิดหายแล้ว ต้องดูแลตนเองอย่างไร?
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ไอมาก เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกอาการแย่ลง ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษา เช่น ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หลอดเลือดหัวใจอุดตัน ลิ่มเลือดในปอดอุดตัน
- ผู้ป่วยที่มีเชื้อลงปอด นอนโรงพยาบาลนาน ได้รับออกซิเจนหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือพบโรคประจำตัวใหม่ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดหรือยังฉีดไม่ครบตามกำหนด ควรรับการฉีดวัคซีนได้ภายใน 1-3 เดือน หลังจากหายป่วย
- ผู้ป่วยที่เพิ่งหาย ยังไม่แนะนำให้ออกกำลังกายมากหรือเหนื่อยเกินไป ควรปรับให้เป็นการออกกำลังแบบเบาๆ เช่น เคยวิ่งอาจปรับเป็นเดินก่อน เพื่อให้ปอดทำงานไม่หนักจนเกินไปและร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวและปรับตัวกลับสู่สภาวะที่แข็งแรง
- ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย เมื่อหายจากการติดเชื้อแล้วควรสังเกตอาการของตนเอง หากรู้สึกว่าร่างกายยังอ่อนเพลีย การฟื้นตัวได้ไม่เท่าเดิม แนะนำตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกติของตับ ไต สารบ่งชี้การอักเสบต่างๆ เอกซเรย์ปอด เพื่อแก้ไขให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว
หลังการติดเชื้อโควิด ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติและมักจะไม่ติดเชื้อโควิดซ้ำในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังหายป่วย แต่ภูมิต้านทานจะค่อยๆ ลดลงและไม่คงอยู่ตลอด ทำให้มีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้อีกในอนาคต จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ เช่น ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% รับประทานอาหารร้อน ช้อนกลาง และไม่ไปในแหล่งชุมชนแออัด หรือสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท
ดังนั้น ผู้ที่หายจากโควิด-19 ต้องสังเกตตัวเองอย่างละเอียด ประเมินร่างกายตนเองอยู่เสมอ และฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายอย่างถูกต้อง หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นที่รบกวนการใช้ชีวิต แนะนำให้พบและปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียด และอาจจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อทำการรักษาให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าปล่อยทิ้งไว้จนรุนแรงและเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียโอกาสในการรักษาและส่งผลเสียต่อสุขภาพที่มากขึ้นนั่นเอง
การดูแลรักษา ผลระยะยาวของโควิด-19 สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการแพทย์
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุและพยาธิสภาพของการเกิดภาวะ Long COVID ที่ชัดเจน มีเพียงสมมติฐาน
ที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับ fragments of viral genome or viral antigens ซึ่งไม่ส่งผลต่อการติดเชื้อแล้ว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภาวการณ์อักเสบในระบบต่างๆ ของร่างกาย
ในส่วนของปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะ Long COVID ยังไม่ทราบแน่ชัด มีเพียงข้อสังเกต่ามีปัจจัยที่พบได้ในหลายๆการศึกษา อาทิเพศหญิง อายุมาก ภาวะอ้วน มีโรคประจำตัว มีอาการมากกว่า 5 อาการในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการเจ็บป่วย และความรุนแรงของโรคมากในระยะแรก เป็นต้น
ความชุกของอาการผิดปกติต่างๆ ในภาวะ ผลระยะยาวของโควิด-19
จากผลการศึกษา meta-analysis ของสถาบันต่างๆ ในต่างประเทศ พบว่า มีความหลากหลาย
ตั้งแต่ร้อยละ 14 ถึงร้อยละ 64 เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนของนิยาม ขาดองค์ความรู้ด้านพยาธิสภาพ ปัจจัยเสี่ยง และ การวินิจฉัย รวมทั้งวิธีการประเมินอาการผิดปกติซึ่งมีทั้งการประเมินตนเองของผู้ป่วยและการประเมินทางการแพทย์ผลการวิเคราะห์ พบว่า ความชุกตามกลุ่มอาการที่พบบ่อย ได้แก่ อ่อนเพลียร้อยละ 47
หอบเหนื่อยร้อยละ 22 นอนไม่หลับร้อยละ 36 วิตกกังวลร้อยละ 23 ผมร่วงร้อยละ 22 และหลงลืมร้อยละ 241
คำแนะนำการประเมินผู้ป่วยเบื้องต้นเพื่อคัดกรองและวินิจฉัย
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยที่มาด้วยอาการสงสัยภาวะ Long COVID มีวัตถุประสงค์
เพื่อหาสาเหตุ ให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม และเพื่อค้นหาโรคอื่นๆ หรือภาวะแทรกซ้อนที่ไม่สัมพันธ์กับการติดเชื้อโควิด-19
การซักประวัติ ผู้ที่ได้รับ ผลระยะยาวของโควิด-19
1) ประวัติทั่วไปผู้ป่วย เช่น เพศ อายุสภาพร่างกายเดิม ประวัติโรคประจำตัว และยาที่ใช้ประจำ เป็นต้น
2) ประวัติการติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเฉียบพลัน เช่น วันที่ได้รับการวินิจฉัย (onset) อาการและความ
รุนแรงของโรค การรักษาที่ได้รับ จำนวนวันที่นอนรักษาในโรงพยาบาล ประวัติการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติ และภาวะแทรกซ้อนต่อระบบต่างๆ เป็นต้น
3) ประวัติอาการที่สงสัยภาวะ Long COVID เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย ใจสั่น
และหลงลืม เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นอาการที่ยังคงอยู่ หรืออาการที่เกิดขึ้นใหม่ ภายหลังติดเชื้อ ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนถึงปัจจุบัน และผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
การตรวจร่างกาย ผู้ที่ได้รับ ผลระยะยาวของโควิด-19
แนะนำให้ตรวจวัดสัญญานชีพ ได้แก่ อุณหภูมิ ชีพจร ความดันโลหิต ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
และตรวจร่างกายตามระบบสอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยโดยละเอียด ในรายที่มาด้วยอาการทางระบบประสาท เช่น ปัญหาด้านความจำ รู้สึกสมองล้า พิจารณาตรวจ cognitive screening เช่น The Montreal Cognitive Assessment (MoCA), Thai Mental State Examination (TMSE) ในรายที ่วิตกกังวล เครียดควรคัดกรอง ภาวะซึมเศร้า ตรวจสภาพจิต (mental state examination) ตามความเหมาะสม ในรายที่มีปัญหาผมร่วง ควรตรวจหนังศีรษะ เส้นผมและรากผม เป็นต้น
การตรวจสมรรถภาพร่างกายมีความจำเป็น เช่น การตรวจ 6-minute walk test (6 MWT) โดย
การวัดความสามารถการเดินเป็นระยะทาง (เมตร) โดยให้เดินบนพื้นราบไปกลับบนทางเดินยาวมากกว่า
15 เมตร แล้วจับเวลาเป็นระยะเวลา 6 นาทีแล้ววัดระยะทางที่ผู้ป่วยเดินได้ไม่สามารถใช้ลู่วิ่งทดแทนการเดิน
บนพื้นราบได้ประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีอาการทางกายทั่วไป อาการในระบบทางเดินหายใจและระบบหัวใจและ
หลอดเลือด การตรวจสมรรถภาพปอดเบื้องต้นด้วย sit to stand test พร้อมวัดค่า SpO2 ภายหลังทำ sit to stand หากมีค่าลดลงมากกว่าร้อยละ 3 พิจารณาตรวจเพิ่มเติม
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจเพิ่มเติมที่จำเป็น ได้แก่ การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ
การถ่ายภาพรังสีปอด การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจสมรรถภาพปอด เป็นต้น พิจารณาจากอาการของผู้ป่วย
การตรวจเลือด แนะนำตรวจอาการ หรือพิจารณาในกรณีต้องประกอบ
- ความสมบูรณ์ของเลือด หรือ complete blood count (CBC)
- Electrolyte
- BUN, creatinine
- Liver function test
- Thyroid function test
- FBS
หมายเหตุ
1) การพิจารณาตรวจหาค ่าระดับ pro-inflammatory biomarkers เช ่น CRP, D-dimer, Il-6,
procalcitonin เป็นต้น ไม่แนะนำให้ตรวจในทุกราย ขึ้นกับอาการและดุลยพินิจของผู้เชี่ยวชาญ
2) ไม่แนะนำส่งตรวจ RT-PCR ซ้ำในระยะ 3 เดือนแรก เพราะอาจพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส
ในสารคัดหลั่งได้อาจพิจารณาส่งตรวจ RT-PCR ในรายที่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูง เข้าเกณฑ์ตามนิยามของแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
การติดตามอาการผู้ป่วย ที่ได้รับ ผลระยะยาวของโควิด-19
การติดตามอาการผู้ป่วยมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง โดยสามารถใช้เครื่องมือแบบประเมินอย่างง่าย
ที่นำเสนอรายละเอียดในแนวปฏิบัติตามกลุ่มอาการในระบบต่างๆ ประเด็นการติดตามผู้ป่วย ได้แก่
1) ความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของอาการต่างๆ ทั้งสภาวะร่างกาย และจิตใจ
2) การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยตามคำแนะนำ หรือโปรแกรมการรักษา
3) การตอบสนองต่อโปรแกรมการรักษา
4) การตรวจร่างกายตามระบบ
5) การตรวจทางห้องปฏิบัติการและตรวจเพิ่มเติม พิจารณาตามอาการของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์
การประเมินผู้ป่วยเพื่อจำหน่าย
เมื่อติดตามอาการผู้ป่่วยต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ครั้ง แล้วหลังให้โปรแกรมการรักษา ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน ให้จำหน่ายจากการรักษาได้และแนะนำอาการที่ควรมาโรงพยาบาล
การส่งต่อ
พิจารณาส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา หรือส่งตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ในกรณีต่อไปนี้
1) สงสัยอาการของโรคอื่นที่อาการแสดงคล้ายภาวะ Long COVID
2) อาการที่มีสัญญาณอันตรายที่จำเป็นต้องส่งตรวจเพิ่มเติม รายละเอียดตามแนวปฏิบัติการดูแลรักษา
แต่ละระบบ
3) ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ทั้งนี้มีรายละเอียดเกณฑ์พิจารณาส่งต่อ ส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในแนวปฏิบัติทางการดูแลรักษาแต่ละระบบ
ผลกระทบจ่อระบบประสาท ที่พบว่า มีผู้ป่วยโรคจิตซึ่งเพิ่งตรวจพบครั้งแรก เกิดขึ้นตอนนี้ ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ เร่งหาทางแก้ไขกันอย่างรีบด่วน
ซึ่งในครั้งแรกอาจดูเหมือนส่งผลกระทบ กับโรคทางเดินหายใจ แต่โควิดส่งผลกระทบได้แทบทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงสมองของคนจำนวนเล็กน้อย การติดเชื้อโควิดอาจมาพร้อมกับโรคจิต หลังโควิด 19 นี่เป็นการแยกออกจากความเป็นจริงที่สามารถทำให้ผู้ป่วยและคนที่คุณรักหวาดกลัวได้
Far from the respiratory ailments, it may seem at first. COVID can affect almost all parts of the body. including the brain for a small number of people, COVID infection may be accompanied by episodes of post-COVID psychosis. This is a detachment from reality that can frighten patients and loved ones.
การดูแลรักษา ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มี ผลระยะยาวของโควิด-19
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการแพทย์
เปิดวิธีรักษาภาวะลองโควิด อาการเรื้อรังจากโรคโควิด กรมการแพทย์ ชี้ฟื้นฟูสมรรถภาพปอด แนะ แอโรบิคแบบเบา-ฝึกหายใจช้าและลึก-พักผ่อน ทานอาหารครบ 5 หมู่-เลี่ยงมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ควันบุหรี่ ไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะลองโควิด (Long Covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับหายป่วยจากโควิด แต่จะมีอาการคล้ายกับยังเป็นโควิดอยู่ต่อเนื่องตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับหลายระบบในร่างกาย ตั้งแต่ระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งนี้ ภาวะลองโควิด มักพบในกลุ่มผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักตัวมาก ผู้มีประวัติเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่มีอาการติดเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรง และผู้สูงอายุ
เนื่องจาก ลักษณะของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่เสื่อมถอยร่วมกับมีการอักเสบจากการติดเชื้อโควิด ทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการต่อเนื่องได้นานมากกว่าคนปกติ ซึ่งอาการทางระบบหัวใจและปอด ที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีภาวะลองโควิด ได้แก่
- เจ็บหน้าอก
- ใจสั่น
- เหนื่อยเรื้อรัง
- ไอเรื้อรัง
ด้านนายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวทางการดูแลตนเองหลังป่วยโควิด เพื่อป้องกันภาวะลองโควิดนั้นมีวิธีการ ดังนี้
- ควรฟื้นฟูสมรรถภาพปอด ด้วยการออกกำลังกาย ชนิดแอโรบิคแบบเบา ๆ
- ฝึกการหายใจแบบช้าและลึก เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจมีความแข็งแรง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะควันบุหรี่ธรรมดา หรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้า ฝุ่น PM2.5
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ควรรักษาสุขอนามัยของตนเองด้วยการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ทุกครั้งที่สัมผัส และควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร
“กลุ่มเสี่ยงที่จะพบอาการ Long Covid ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ โรคประจำตัวของผู้ป่วย ทั้งนี้ผู้ป่วยที่มีอาการ Long Covid จะไม่ส่งผลในระยะยาวต่อร่างกาย หากผู้ป่วยรู้จักการดูแลรักษาร่างกายตนเองให้กลับมาแข็งแรง ก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้เกือบ 100% และหากพบว่ามีอาการภาวะ Long Covid กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษา”

